ยินดีต้อนรับสู่เว็บประกาศฟรี www.fieldcircus.com

"เว็บไซต์นี้เป็นเพียงสื่อกลางในการประกาศ ซื้อ/ขาย ทางเว็บจะไม่รับผิดชอบใดๆต่อการติดต่อ ซื้อ/ขาย ของท่านทุกรายการ โปรดพิจารณาความเหมาะสมก่อนการ ซื้อ/ขาย"

เสื้อผ้าเด็กอ่อน,เสื้อผ้าเด็กแรกเกิด,บอดี้สูทเด็ก  สเปรย์ล้างโซ่ สเปรย์หล่อลื่นโซ่  ติดตั้งกล้องวงจรปิด        

 

ผู้เขียน หัวข้อ: EPG ชูกลยุทธ์เน้นบริหารต้นทุนผลิต พร้อมดันยอดขายปี 64/65 เข้าเป้า 1.1 หมื่นลบ.  (อ่าน 101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Joe524

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7246
    • ดูรายละเอียด
EPG ชูกลยุทธ์เน้นบริหารต้นทุนผลิต พร้อมดันยอดขายปี 64/65 เข้าเป้า 1.1 หมื่นลบ.

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) กล่าวว่า ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อมากกว่า 2 ปี และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งลุกลามกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนานาชาติได้มีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก เช่น พลังงาน และ สินแร่สำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในรอบหลายปี อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทาน และค่าขนส่งที่ปรับขึ้น ปัจจัยเสี่ยงของความขัดแย้งครั้งนี้อาจยืดเยื้อ บานปลาย กดดันการดำเนินงานในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

จากปัจจัยภายนอกดังกล่าวบริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างรัดกุมและเร่งด่วน เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ด้วยบริษัทใช้วัตถุดิบจากปิโตรเคมีเพื่อนำมาผลิตสินค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ จึงมุ่งเน้นบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งตามลักษณะของกระบวนการและการควบคุม ประกอบด้วย กระบวนการสั่งซื้อวัตถุดิบของบริษัทมีการประมาณการที่แม่นยำเพื่อบริหารวัตถุดิบที่มีอยู่และอยู่ระหว่างจัดส่ง ให้เพียงพอกับการผลิตและมีราคาเฉลี่ยที่เหมาะสม โดยบริษัทได้สั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้ามากกว่าปกติในช่วงที่ราคาวัตถุดิบยังไม่ปรับราคาขึ้น และขยายระยะเวลาการเก็บวัตถุดิบให้นานขึ้น

สำหรับงานระหว่างทำ (Work in Process: WIP) ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จ และ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Semi Product and Finish Goods) ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มสต็อกของ WIP/ ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จ และ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เพื่อทำให้บริษัทมีวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสมเพียงพอประมาณ 6-8 เดือน

นอกจากนี้บริษัทมีการขายฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ไปยังรัสเซียในรูปแบบ Licensing แต่สัดส่วนการขายไม่มากจึงไม่มีนัยสำคัญ ส่วนผลกระทบในยุโรปต่อจากนี้ บริษัทมีการขายสินค้าไปยังยุโรปประมาณ 5-7% มาจากธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มาจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย เป็นหลัก และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas สัดส่วนรายได้มาจากออสเตรเลีย เป็นหลัก

สำหรับปีบัญชี 64/65 (เม.ย. 64 - มี.ค. 65) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29-32% คาดว่ายอดขายจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมาย การดำเนินงานของบริษัทตลอดระยะเวลา 43 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทุกวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง Hamburger Crisis สงครามอิรัก สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทสามารถปรับตัวต่อทุกสภาวะวิกฤติ โดยเชื่อว่าในทุกวิกฤตมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ โดยที่ EPG สามารถสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเป็นผู้เล่นระดับโลก

 


 เว็บที่น่าสนใจ  :  หัวเชื้อน้ำยาล้างตะกรัน   หัวเชื้อน้ำยาล้างแอร์   จาระบีอุตสาหกรรม   เช่าโฮสติ้ง  เสื้อผ้าเด็กอ่อน  ขายส่งกลูต้าไธโอนแบบฉีด  
ติดต่อลงโฆษณา